เหล่านักรบคันโตผู้ต้องโทษประหารยามไปร้องเรียนต่อองค์จักรพรรดิก่อนการปฏิรูปสมัยเมจิ
เมื่อปี 1864 กองกำลังทหารฝ่ายมิโตะเท็นงูนำโดยทาเคดะโคอุนไซ ได้รวมพลทหารด้วยแนวรบเทิดทูนองค์จักรพรรดิขับไล่ต่างชาติระหว่างทางที่จะไปเกียวโตเพื่อประกาศเจตจำนงต่อสภาจักรพรรดิก็ถูกจับกุมตัวที่ชินโบะในซึรุงะ รัฐบาลทหารของโชกุนสั่งลงโทษหนัก โดยในปีถัดไปได้สั่งโทษประหารถึง 353 คนที่วัดไรโกจิ (มัตซึบาระ) สถานที่แห่งประวัติศาสตร์ของประเทศ “สุสานของเหล่าทหารทาเคดะโคอุนไซ” ก็คือสถานที่ฝังศพของพวกเขาหลังถูกประหารชีวิตนั่นเอง ระหว่างทางเดินภายในเขตศาลเจ้ามัตซึบาระ มีห้องขังนิชินโซไว้คุมขังผู้ต้องโทษประหารตั้งอยู่ซึ่งปัจจุบันเปิดเป็นหอที่ระลึกทางประวัติศาสตร์
ห้องขังนิชินโซ (หอประวัติศาสตร์วีรชนมิโตะ)
เหล่าทหารทาเคดะโคอุนไซ 823 คน ถูกคุมขังไว้ในห้องขังรวม 16 หลังสภาพแวดล้อมห้องที่ย่ำแย่ ยิ่งในฤดูหนาวของซึรุงะเมืองแห่งหิมะผู้ต้องขังในสภาพเปลือยเหมือนกันหมดถูกอัดรวมในห้องแคบ และว่ากันว่ามีไม่น้อยที่ต้องตายอยู่ในนั้นด้วยเพราะทนความหนาวและกลิ่นเน่าเหม็นของปลานิชินผสมกับกลิ่นของเสียที่ขับถ่ายไม่ระบายไปไหนไม่ไหว
ในฤดูใบไม้ร่วงปีโชวะที่ 29 ได้ย้ายห้องขัง 1 หลังมาสร้างใหม่ไว้ภายในศาลเจ้ามัทซึบาระเพื่อเป็นที่ระลึกครบรอบ 9090 ปีของการเปิดท่าเทียบเรือซึรุงะและห้องนั้นก็ได้กลายมาเป็นหอที่ระลึกทางประวัติศาสตร์วีรชนมิโตะ ในปัจจุบัน ศาลเจ้ามัทซึบาระจึงได้ชื่อว่าเป็นศาลเจ้าที่มีวีรชนผู้กล้าเหล่านั้นเป็นดุจดั่งเทพสถิตย์คุ้มครองประทับอยู่ภายใน
ทาเคดะโคอุนไซได้แต่งบทกลอนหนึ่งไว้ก่อนตายว่า “เจ้าดอกบ๊วยบาน เจ้าจะร่วงโรยเมื่อใดสุดที่ใครจะรู้ แต่กลิ่นหอมของเจ้าทำให้ข้าคิดถึงเธอที่รัก” มุมหนึ่งภายในบริเวณศาลเจ้ามีต้นบ๊วยปลูกอยู่หลายต้น ซึ่งก็เป็นต้นบ๊วยที่เหล่าทหารมิโตะ นำมาจากสวนไคราคุเอ็นเมืองมิโตะ ทั้งซึรุงะและมิโตะจึงเป็นเหมือนเมืองพี่เมืองน้องสืบมาจนปัจจุบัน
ในฤดูใบไม้ร่วงปีโชวะที่ 29 ได้ย้ายห้องขัง 1 หลังมาสร้างใหม่ไว้ภายในศาลเจ้ามัทซึบาระเพื่อเป็นที่ระลึกครบรอบ 9090 ปีของการเปิดท่าเทียบเรือซึรุงะและห้องนั้นก็ได้กลายมาเป็นหอที่ระลึกทางประวัติศาสตร์วีรชนมิโตะ ในปัจจุบัน ศาลเจ้ามัทซึบาระจึงได้ชื่อว่าเป็นศาลเจ้าที่มีวีรชนผู้กล้าเหล่านั้นเป็นดุจดั่งเทพสถิตย์คุ้มครองประทับอยู่ภายใน
ทาเคดะโคอุนไซได้แต่งบทกลอนหนึ่งไว้ก่อนตายว่า “เจ้าดอกบ๊วยบาน เจ้าจะร่วงโรยเมื่อใดสุดที่ใครจะรู้ แต่กลิ่นหอมของเจ้าทำให้ข้าคิดถึงเธอที่รัก” มุมหนึ่งภายในบริเวณศาลเจ้ามีต้นบ๊วยปลูกอยู่หลายต้น ซึ่งก็เป็นต้นบ๊วยที่เหล่าทหารมิโตะ นำมาจากสวนไคราคุเอ็นเมืองมิโตะ ทั้งซึรุงะและมิโตะจึงเป็นเหมือนเมืองพี่เมืองน้องสืบมาจนปัจจุบัน
- วิธีการเดินทาง
-
กรณีเดินทางโดยรถส่วนตัวจากทางด่วนทางด่วนโฮคุริคุ・ซึรุงะ IC ประมาณ 13 นาที
กรณีเดินทางโดยรถบัสจากสถานี JR ซึรุงะ ใช้เวลาประมาณ 10-16 นาที โดยคอมมูนิตี้บัส “สายมัตซึบาระ” ลงป้าย “มัตซึบาระโคเอ็นงุจิ”
กรณีเดินทางโดยรถบัสจากสถานี JR ซึรุงะ ใช้เวลาประมาณ 17 นาที โดย “รถบัสเวียนรอบเมืองซึรุงะ (เส้นทางท่องเที่ยว)” ลงป้าย “มัตซึบาระจินจะ” - ที่อยู่ใหม่
- เมืองมัตซึชิมะ เขตซึรุงะ จังหวัดฟุคุอิ
- ที่จอดรถ
- ไม่มีที่จอดรถ